|หน้าแรก| |เกี่ยวกับเรา| |ติดต่อทีมงาน| |แจ้งปัญหาการใช้งานแจ้งปัญหาการใช้งาน|
Login
 
!!! ยินดีต้อนรับสมาชิกทุกท่านเข้าสู่เว็บบอร์ด www.classicamulet.com !!!

หน้าแรก » สารพัน 108 - 1009 » วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม "ซินจ่าว โฮจิมินห์"

ไปยังหน้า
วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม "ซินจ่าว โฮจิ
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม "ซินจ่าว โฮจิมินห์"
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้: 1230
ตอบ: 6151
สวัสดีครับพี่ๆน้องเพื่อนๆที่รักทุกๆท่าน
ขออภัยน่ะครับที่รายการวันนี้ในอดีตมาล่าช้าไป
เนื่องจากต้องเตรียมตัวเดินทางไปทำภาระกิจที่ภูเก็ต ครับ


 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
วันนี้ขอนำภาพไปเที่ยวโฮจิมินห์มาฝากกันน่ะครับ

http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=199303


 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=199345

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=199436

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=199462

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=199574

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=199578

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
ขออนุญาตนำลิงค์มาลงน่ะครับ เพราะมีหลายกระทู้ครับ





 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
13 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ประกาศพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้กรมศุขาภิบาลนำน้ำมาใช้ในพระนครตามแบบอย่างที่สมควรแก่ภูมิประเทศ โดยให้จัดทำที่น้ำขังที่คลองเชียงราก แขวงเมืองปทุมธานี แล้วให้ขุดคลองแยกจากที่ยังน้ำนั้นเป็นทางน้ำลงมาถึงคลองสามเสนฝั่งเหนือ ตามแนวทางรถไฟ และตั้งโรงสูบนำแล้วกรองให้น้ำสะอาด เพื่อจำหน่ายน้ำไปในที่ต่าง ๆ ตามควรแก่ท้องที่ของเขตพระนคร รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกตามภาษาสันสกฤต เพื่อจะให้เป็นคำสั้นว่า "การประปา" ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2457 พระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จมาทรงเปิดกิจการโดยมีชื่อเรียกในครั้งนั้นว่า "การประปากรุงเทพฯ” มีกรมสุขาภิบาล กระทรวงนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงาน กิจการประปาได้ก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ จากที่เคยจำหน่วยเฉพาะในเขตพระนคร ได้ขยายการจำหน่ายไปยังฝั่งธนบุรี ต่อมาได้มีการรวมและโอนกิจการประปาไฟฟ้าให้เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติการประปานครหลวง ให้โอนกิจการประปากรุงเทพฯ การประปานนทบุรี การประปาเทศบาลนครธนบุรี และประปาเทศบาลสมุทรปราการ รวมเป็นกิจการเดียวกันเรียกว่า "การประปานครหลวง” เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2510 ปัจจุบันการประปานครหลวงได้พยายามพัฒนาคุณภาพน้ำประปาให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน จนได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต ISO 9002 ดังคำขวัญที่ว่า "น้ำประปาดื่มได้ มั่นใจเต็มร้อย"

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
     13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) เกิด "การรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา" (The Naval Action at Paknam) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ “วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112" หรือ "กรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส ร.ศ. 112" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อกองทัพฝรั่งเศสส่งเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองกองสตองต์ (Inconstant) และ เรือโกแมต์ (Comete) โดยมีเรือสินค้า "เจ. เบ. เซย์" (Jean Baptist Say) เป็นเรือนำร่อง รุกล้ำฝ่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา หมู่ปืนใหญ่ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าและหมู่เรือรบซึ่งเป็นแนวป้องกันของไทยได้ยิงสกัดถูกเรือสินค้าเสียหาย เรือรบของฝรั่งเศสจึงยิงตอบโต้ โดนเรือมกุฎราชกุมารของไทยเสียหาย และทหารไทยเสียชีวิต 8 นายและบาดเจ็บ 40 นาย ส่วนทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บอีก 3 นาย จากนั้นเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองก็แล่นฝ่าเข้ามาที่สถานกงสุลฝรั่งเศส ถนนเจริญกรุง ผลจากการปะทะกันครั้งนี้ ฝรั่งเศสได้บังคับให้สยามลงนามใน "สนธิสัญญาสันติภาพ" ในวันที่ 3 ตุลาคมปีเดียวกัน สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวกำหนดให้สยามชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศสเป็นเงินจำนวน 3 ล้านฟรังก์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,560,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนในสมัยนั้น) รวมทั้งบังคับให้รัฐบาลสยามยอมสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ตลอดถึงเกาะแก่งในแม่น้ำโขงทั้งหมด เป็นพื้นที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร และฝรั่งเศสได้ยึดเมืองจันทบุรีไว้ในอารักขานานกว่า 10 ปี (ระหว่างปี 2436-2447) จนกว่าสยามจะชดใช้ค่าเสียหายจนครบ ผลจากกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสครั้งนี้ทำให้สยามตอ้งเสียดินแดนเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งนับเป็นการเสียเนื้อที่ครั้งใหญ่ที่สุด นักวิชาการในรุ่นหลังเห็นพ้องต้องกันว่า ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่เป็นเหตุให้สยามจำต้องสูญเสียดินแดนในครั้งนี้ คือการขาดแผนที่ ซึ่งระบุเขตแดนของประเทศไว้อย่างชัดเจน ฝ่ายสยามขาดความช่ำชองในการใช้ภาษาอันแยบยลทางการทูตอย่างชาวยุโรป อีกทั้งกองทัพเรือของสยามเพิ่งเริ่มต้นขึ้นจึงต้องจ้างทหารต่างชาติมาช่วย ส่วนทหารของสยามสมัยในสมัยนั้นยังขาดวินัยของทหาร และขาดความช่ำชองในการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยจากตะวันตก แม้จะมีกำลังอาวุธที่พอจะต่อต้านกองกำลังฝรั่งเศสได้ ทั้งปืนใหญ่ และเรือรบอย่าง "เรือพระที่นั่งมหาจักรี" ซึ่งเป็นเรือลาดตระเวนติดปืนอาร์มสตรอง พร้อมระวางขับน้ำ 2,400 ตัน หัวเรือที่ใช้ชนได้ ระวางขับน้ำของเรือลำนี้สูงกว่าเรือทั้งสามของฝรั่งเศสรวมกัน แต่เรือที่มีสมรรถนะสูงลำนี้กลับไม่ได้ร่วมสมรภูมิรบ เพราะมีคำสั่งอย่างเข้มงวดไม่ให้เคลื่อนย้าย เว้นแต่จำเป็นต้องใช้เป็นพระราชพาหนะเท่านั้น

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
 หัวข้อกระทู้: Re: วันนี้ในอดีต 13-14 กรกฏาคม
 โพสต์ วันเวลา: 2010-07-13 00:00:00 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2010-07-16 00:00:00
สร้างกระทู้:1230
ตอบ: 6151
  14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 วันเกิด จอมพล แปลก พิบูลสงคราม(แปลก ขีตตะสังคะ) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "จอมพล ป." จอมพล ป.ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจวาย ณ บ้านพักที่ตำบลซากามิโอโน ชานกรุงโตเกียว ขณะลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น รวมอายุได้ 67 ปี จอมพล ป. เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2440 นามเดิม แปลก ขีตตะสังคะ เกิดที่อำเภอเมืองนนทบุรี ศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก โรงเรียนเสนาธิการ และไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ประเทศฝรั่งเศส จากนั้นได้กลับมารับราชการจนกระทั่งได้ยศพันตรี มีบรรดาศักดิ์และราชทินนามเป็น "หลวงพิบูลสงคราม" ท่านเป็นหนึ่งใน คณะราษฎร ที่ทำการอภิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 อีกสองปีต่อมาได้เลื่อนยศเป็นพันเอกและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก จอมพล ป. เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของไทย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2481 โดยการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล ป. ตัดสินใจเข้าร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามสิ้นสุดลงจอมพล ป. จึงติดคุกในฐานะอาชญากรสงครามและต้องยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด ท่านกลับไปพำนักที่บ้าน อ. ลำลูกกา จ. ปทุมธานี ก่อนจะคืนสู่อำนาจอีกครั้งในปี 2491 เมื่อทหารกลุ่มหนึ่งทำรัฐประหารแล้วเชิญท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรี คราวนี้ท่านครองตำแหน่งนานถึง 9 ปี จอมพล ป. ต้องพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ โดยใช้นโยบาย ชาตินิยม อาทิ ส่งเสริมความเป็นชนชาติไทยเน้นนโยบายเศรษฐกิจแบบ “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ” ประกาศ รัฐนิยม เพื่อปฏิวัติวัฒนธรรมของสังคมไทยเสียใหม่ ทั้ง เรื่องภาษา ชีวิตความเป็นอยู่ ดนตรี การละเล่น การแต่งกาย คตินิยม และเปลี่ยนชื่อประเทศสยามมาเป็นประเทศไทย โดยมีคำขวัญว่า "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" ถือว่าจอมพล ป. ได้ทำการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจได้พยายามลอบสังหารท่านหลายครั้ง แต่ก็รอดหวุดหวิดทุกครั้ง จนได้รับฉายาว่า “จอมพลกระดูกเหล็ก” จนในที่สุด พลเอกสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 ท่านจึงต้องลี้ภัยทางการเมืองไปที่ประเทศญี่ปุ่น และพำนักอยู่ที่นั่นจนวาระสุดท้ายของชีวิต

 
 ส่งข้อความส่วนตัว
<< 1 | 2 >>

cron
© 2008 www.classicamulet.com