|หน้าแรก| |เกี่ยวกับเรา| |ติดต่อทีมงาน| |แจ้งปัญหาการใช้งานแจ้งปัญหาการใช้งาน|
Login
 
!!! ยินดีต้อนรับสมาชิกทุกท่านเข้าสู่เว็บบอร์ด www.classicamulet.com !!!

หน้าแรก » ความรู้ที่น่ารู้ทั่วไป » เหรียญนาคปรก 8 รอบ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ไปยังหน้า
เหรียญนาคปรก 8 รอบ หลวงปู่ทิม วัดละห
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เหรียญนาคปรก 8 รอบ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
 โพสต์ วันเวลา: 2014-06-23 16:06:25 
สถานะ:
รูปสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: 2011-05-06 00:00:00
สร้างกระทู้: 500
ตอบ: 3608
พระนาคปรกไตรมาศ-แปดรอบ
เหรียญพุทธคุณหลวงปู่ทิมที่มีราคาถูกที่สุด


                 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับพระเครื่องต่างๆของหลวงปู่ทิม  อิสริโก อ.บ้านค่าย จังหวัดระยองที่มีระยะเวลาการสร้างเพียง34ปี จะมีราคาค่าบูชากันในราคาหลักล้านก็ขึ้นไปแล้วไม่แต่เฉพาะพระกริ่งชินบัญชร,พระขุนแผนพรายกุมาร,เหรียญเจริญพรก็มีสนนราคาขึ้นไปสูงสุดๆแต่พระเครื่องหลวงปู่ทิมมีราคาไล่ๆตามกันไปอย่างเหลือเชื่อจนถือได้ว่าพระเครื่องต่างๆของหลวงปู่ทิมมีสนนราคาแพงและหายากที่สุดจนถือว่าเป็นอันดับ 1 ในเวลานี้แม้แต่เหรียญที่ถูกที่สุดก็มีราคาเช่าบูชากันไปแล้วในราคาใกล้หมื่นและของไม่ค่อยจะมีในเวลานี้ นั่น คือเหรียญนาคปรกแปดรอบ แต่เหรียญนาคปรกไตรมาสของหลวงปู่ทิมที่สร้างขึ้นเมื่อ 34 ปีที่แล้ว

                    ก่อนที่จะถึงงานทำบุญแซยิด ฉลองอายุครบ 8 รอบ หลวงปู่ทิม ในวันที่ 16 มิถุนายน 2518 ท่านได้ถามผมว่า สร้างเหรียญนาคปรกไตรมาสไว้เท่าใด ผมบอกว่าสร้างไว้ 20,000 เหรียญ ซึ่งนับว่ามากมายแล้วในยุคนั้นแต่หลวงปู่ทิมท่านบอกผมว่า  ให้สร้างเหรียญนาคปรกมากๆ เพราะเหรียญนาคปรก 8 รอบนั้นสร้างขึ้นเพื่อแจกฟรีให้แก่ผู้ที่มาบูชาพระผงบรรจุกรุ  เรียกว่าเมื่อมีผู้มาบูชาบริจาคทำบุญ 5 บาทหรือ 10 บาท เพื่อบูชาพระผงลงบรรจุกรุซึ่งสร้างถึง 84,000 องค์ ก็จะได้รับเหรียญนาคปรกเป็นของแถมและสำหรับใช้ป้องกันคุ้มครองตัว  1 เหรียญเป็นเนื้อทองแดงเหมือนหลวงปู่ทิมท่านคงจะรู้ล่วงหน้าว่า หลังงานฉลองอายุ 8 รอบไปแล้วท่านคงจะต้องจากพวกเราไป  ท่านจึงย้ำให้สร้างเหรียญนาคปรกอีกมากๆหน่อย ดังนั้นแล้วผมจึงสร้างเหรียญนาคปรกมาอีกจำนวน  23,000 เหรียญเรียกว่า  เหรียญนาคปรกไตรมาส  เปลี่ยนแบบจากนาคปรกแปดรอบ ซึ่งใช้ตัวหนังสือเป็นตัวหนังสือแบบไทยๆ เล่นหัวและเล่นหาง ส่วนยันต์ด้านหลังเปลี่ยนจากยันต์ห้า เป็นยันต์ด้านหลังเจริญพรสองซึ่งมีอักขระมากกว่า
   ก่อนจะถึงวันเข้าพรรษาปี พ.ศ.2518 ผมคิดจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะขณะนั้นพระกริ่งชินบัญชรก็เป็นที่เสาะแสวงหากันแล้วสนนราคาก็ขึ้นไปเกือบองค์ละพันบาทแล้ว  ประกอบกับพระกริ่งชินบัญชร นั้นไม่ค่อยสวยงาม และระยะนั้นผมไปก็ไปมาหาสู่ช่างเกษม ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือในการปฏิมากรรมแกะแบบพระกริ่งช่วยออกแบบพระกริ่งแก้ ไขพระกริ่งชินบัญชรให้สวยงามกว่าเดิม โดยตั้งใจจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรให้สวยงามกว่าเดิม  โดยตั้งใจจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นอีกครั้ง  เพื่อจะขอให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกให้อีกครั้งในพรรษาปี 2518 จึงได้บอกความประสงค์ต่อท่าน   หลวงปู่ทิมท่านพูดกับผมว่าพระกริ่งชินบัญชร สร้างครั้งเดียวก็พอแล้ว  และท่านก็พูดต่ออีกว่า “ ดีหรือไม่ดีก็ให้มีรุ่นเดียว”


                  ดังนั้นพระกริ่งชินบัญชรจึงมีขึ้นเพียงรุ่นเดียวนั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา34 ปี ผมได้ทบทวนข้อความที่ท่านพูดว่า  ตีหรือไม่ดีก็ให้มีรุ่นเดียว  คำพูดของท่านวลีนี้เป็นเครื่องแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวมั่นใจในวัตถุมงคลของท่านที่ท่านได้สร้างและปลุกเสกว่า ดีหรือไม่ดีให้ผู้คนที่นำไปใช้ก็จะรู้เองเกี่ยวกับเรื่องราวความมั่นใจในวัตถุมงคล  ที่ท่านได้ทำพิธีปลุกเสกแล้วนั้นมีเรื่องคล้ายกับเรื่องนี้อยู่เรื่องหนึ่ง ที่จะนำเล่าสู่กันฟัง ในบรรดาลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมในยุคที่ผมได้เช้าไปสร้างวัตถุมงคลเพื่อที่จะหาปัจจัยสร้างวัดละหารไร่นั้น
มีหลายคนด้วยกันและแต่ละคนก็เป็นนักนิยมสะสมพระเครื่องด้วยกันทั้งนั้น  หลวงปู่ทิมท่านมักจะเรียกชื่อแต่ละคนมาตามลักษณะนิสัยที่พวกเราแสดงออกให้ท่านเห็น เช่น คุณธวัช  ชำนาญณรงค์ เพื่อนข้าราชการในกรมชลประทาน ที่ผมเป็นคนชวนเข้าไปร่วมงานเป็นผู้ที่มีนิสัยสียงดังโวยวาย  เวลาประชุมหรือพูดต่อหน้าหลวงปู่มักจะส่งเสียงดัง  หลวงปู่ทิมก็เลยเรียกคุณวิรัช  ชำนาญณรงค์ ว่า ไอ้โหวกเวก
   ส่วนคุณประชา ตรีพาสัย อดีตนายช่างโทของกรมชลประทานที่เป็นผู้ตามและชักนำผมเข้าไปสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทิมนั้น  เป็นเจ้าของร้านขายยาในจังหวัดระยอง  เวลาเข้าไปหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่ก็จะนำยาชนิตดต่างๆไปถวายหลวงปู่ทิมด้วย หลวงปู่ทิมท่านจึงเรียกคุณประชา ว่าไอ้คนขายยา
   สำหรับคุณพัฒนา  บุญอนุกูล ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของผม เป็นผู้สร้างปลัดขิกหมายเลข 3 อันเลื่องลือนั้น อาชีพของคุณพัฒนาคือเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องชั่ง ตวง วัด และเครื่องทุ่นแรงทุกชนิดหลวงปู่ทิมท่านก็เรียกคุณพัฒนาว่า ไอ้คนขายตาชั่ง
   ส่วนลูกศิษย์อีกคนคือคุณเพียรวิทย์ ที่บ้านขายกระบุง บุ้งกี๋และเข่งไม้ไผ่ ซึ่งมาอายุน้อยกว่าเพื่อนหลวงพ่อก็เรียกว่า ไอ้เด็กขายเข่ง หรือเรียกเฉยๆว่า ไอ้เพียรส่วนคุณสุขุม  แสงชูวงศ์อดีตนายช่างหัวหน้าประทานบ้านค่าย  ซึ่งเป็นฝ่ายทดน้ำของกรมชลประทานเข้าไปช่วยคุมงานก่อสร้าง  หลวงปู่ทิมท่านก็เรียกว่า ไอ้คนทดน้ำส่วนตัวผมนั้นเรียกว่า “ พร ” คำเดียว


                 สำหรับเพื่อนผมที่ได้รับการครอบครูพร้อมผมซึ่งเป็นรายสุดท้าย  ในการรับศิษย์ของท่านคือ อารมณ์  ทับสุวรรณ เป็นผู้นิยมพระเครื่องมากมายคนหนึ่ง  ในคอจะห้อยพระเป็นสิบๆ องค์ เรียกว่าห้อยกันจนหนักคอ หลวงปู่ทิมท่านก็เห็นเป็นประจำหลวงปู่ทิมท่านจึงเรียกคุณอารมณ์ตามที่ท่านเห็นว่า  ไอ้คนพระแยะ   คุณอารมณ์  ทับสุวรรณ(ไอ้คนพระแยะ) ห้อยพระเต็มคือหลายสิบองค์นั้น มีครั้งหนึ่งคุณอารมณ์  ทับสุวรรณ นำพวงพระมาให้หลวงปู่ทิมดู  ในพวงนั้นมีเกจิอาจารย์และพระกรุมีชื่อเสียงหลวงปู่ทิมท่านหยิบมาดูทั้งพวงแล้วก็หัวเราะชอบใจ  แล้วท่านก็พูดให้ได้ยินทั่วกันว่า นับถือนี่ แขวนองค์เดียวก็พอแล้ว  หลวงปู่ทิมท่านมักแทนตัวเอง ว่า “ นี่ ” แทนคำว่า อาตมา และในพวงนั้นมีพระกริ่งชินบัญชรรวมด้วยอยู่หนึ่งองค์
   เรื่องที่ผมได้เล่ามาทั้งหมดมันเกี่ยวกับที่ผมจะขอสร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นเป็นครั้งที่ 2 และหลวงปู่ทิมท่านก็ปฏิเสธบอกให้ทำรุ่นเดียวก็พอแล้ว สำหรับพระพิมพ์อื่นๆท่านก็ไม่ปฏิเสธและได้ปลุกเสกให้ทุกครั้ง  ผมเชื่อว่าหลวงปู่ทิมให้สร้างพระกริ่งชินบัญชรครั้งเดียวนั้นท่านย่อมทราบดีว่า พระกริ่งนั้นก็คือของสุดยอดของท่านแล้ว และท่านก็มั่นใจในพระกริ่งชินบัญชร ของท่านมากที่จะไม่ทำให้ท่านเสียชื่อเสียง  ท่านถึงกับเคยพูดกับผมและเพื่อนๆหลายคนว่า  ถ้าเขาเอามาคืนก็รับไว้เถิดอีกหน่อยพลิกแผ่นดินหาก็ไม่เจอ


                เหรียญพระนาคปรกหรือพระผงนาคปรกนั้นเป็นพระเครื่องที่ท่านสร้างมากที่สุดในบรรดาพระเครื่องของหลวงปู่ทิม  เหรียญนาคปรก 8 รอบ และเหรียญนาคปรกไตรมาส สร้างในระยะใกล้เคียงกัน แต่เหรียญทั้งสองพิมพ์ก็แตกต่างกันหลายอย่างบางท่านเรียกว่า เหรียญนาคปรกยันต์น้อย เหรียญนาคปรกยันต์มาก      เหรียญนาคปรกยันต์มาก คือ เหรียญนาคปรกรุ่นไตรมาส มีต้นแบบมาจากแผ่นยันต์สารพัดกันไม่ว่าเป็นจะเป็นแผ่นยันต์สารพัดกันก็ดีหรือแผ่นยันต์รูปสีชมพูก็ดี  สร้างพร้อมกันในงานทำบุญอายุครบ  95 ปีของหลวงปู่ทิม เมื่อ 16 มิถุนายน 2517  วันนั้นเป็นวันที่หลวงปู่ทิมประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ด้วย   ผมจึงขออนุญาตพิมพ์รูปเหมือนของท่านจำนวนหนึ่งซึ่งท่านก็อนุญาตและเดินเข้าไปในกุฏิ  หยิบตำราเล่มนั้นมาลงในภาพที่จะพิมพ์ขึ้นมาด้วย   คุณปราโมทย์  มาเจริญ  อดีตช่างศิลป์  กองแผนงานกรมชลประทาน  ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับผมเป็นผู้ลอกอักขระยันต์  และเขียนอาร์ตเวิร์ก  ซึ่งได้ใช้เป็นต้นฉบับกระดาษยันต์สีชมพูพร้อมด้วยกระดาษยันต์สารพัดกัน

                   หลังจากงานฉลองอายุครบ 95 ปีผ่านไปแล้วพร้อมกับที่หลวงปู่ทิมท่านได้แจกกระดาษยันต์สารพัดกันให้กับบรรดาศิษยานุศิษย์ที่มาในงานนั้นเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว  ผู้ที่นำกระดาษยันต์สารพัดกันติดตัวไว้ใช้ต่างมีประสบการณ์มากมายเกิดขึ้นชนิดที่เรียกว่าเล่ากันทั้งวันไม่มีวันจบความนิยมเริ่มมี  การเสาะแสวงหาก็เกิดขึ้น  ดังนั้นในการสร้างเหรียญชุด 8 รอบจึงไม่มีอักขระยันต์เลขยันต์ด้านหลังมาก

                  จวบจนหลวงปู่ทิมได้สั่งให้สร้างเหรียญนาคปรกเพิ่มขึ้นอีก  คุณวรเทพ  อุดมรัตนะศิลป์ ซึ่งเป็นผู้รับงานจากผมให้เป็นผู้สร้างเหรียญชุด 8 รอบไปพบช่างเขียนฝีมือดีที่สามารถเขียนอักขระเลขยันต์ตัวภาษาขอมได้  จึงได้ให้ลอกยันต์จากกระดาษยันต์สารพัดกันลงมาไว้ในเหรียญนาคปรกไตรมาส และพร้อมกันนั้นก็ได้สร้างเหรียญเจริญพรครั้ง 2 ขึ้นหลวงปู่ทิมท่านก็ไม่ขัดข้องและยินดีสร้างให้อย่างเต็มใจและท่านขอให้สร้างมากๆด้วย   แต่ความคิดของผมที่ต้องการจะให้เหรียญดังจึงสร้างจำนวนน้อยแค่สองพันเหรียญเศษเท่านั้น  และตอกเลขไว้ทุกเหรียญด้วยเหรียญเจริญพรสองนี้ก็ได้ใช้อักขระเหรียญเดียวกันกับนาคปรกไตรมาส  เมื่อวันที่นำเอาแบบเหรียญไปให้หลวงปู่ทิมท่านพิจารณาท่านพออกพอใจที่เหรียญนั้นมียันต์มากท่านบอกว่าจะได้เรียกสูตรอักขระเลขยันต์ได้เต็มที่   
   เหรียญนาคปรกไตรมาสนั้นต่างจากเหรียญนาคปรกแปดรอบ  ซึ่งเหรียญเป็นยันต์ครู เป็นยันต์ที่หลวงปู่ทิมท่านชอบและใช้เป็นประจำ  ยันต์ห้า หรือ ยันครู ที่หลวงปู่ทิมชอบใช้นั้นถ้าเปิดคัมภีร์มหายันต์ดูแล้วเขาเรียกยันต์ห้านั้นว่า ยันต์มหาจินดามณี  หลายปีมาแล้ว หลวงพ่อสาคร  มนุโญ เจ้าอาวาสวัดหนองกรับ ศิษย์เอกองค์หนึ่งของหลวงปู่ทิมเล่าให้ผมฟังว่า  ก่อนที่ชินพรจะเข้ามาสร้างพระให้หลวงพ่อ(หมายถึงหลวงปู่ทิม) ไม่นาน      วันหนึ่งท่านเรียกฉันว่า ครมาดูอะไรนี่ แล้วหลวงปู่ทิมก็เดินลงไปในแม่น้ำบ้านค่าย ตรงที่ติดกับหอฉันท์หลังเก่าซึ้งรื้อไปแล้ว  หลวงปู่ท่านเดินลงไปในแม่น้ำบ้านค่าย  ตรงบริเวณนั้นแล้วก็ถลกชายจีวรทั้ง 2 ขึ้นมาเหน็บเอวเพื่อไม่ให้จีวรเปียกน้ำ อาจารย์สาครเล่าว่า ฉันยืนอยู่ริมตลิ่ง มองดูหลวงพ่ออย่างแปลกใจ ว่า ท่านจะแสดงอะไรให้ดู หลวงปู่ทิมท่านก็เอาหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ซึ่งติดกันแล้วดีดน้ำ 3 ครั้งแล้วก็เอามือกวักน้ำ 4-5 ครั้ง เพียงอึดใจเดียวปลาก็มาอยู่รอบๆตัวท่านเต็มไปหมด หลวงพ่อถึงกับเอามือช้อนขึ้นมาแล้วปล่อยลงน้ำ ฉันนี่ยืนตะลึงคิดไม่ถึงเลยว่าหลวงพ่อจะทำได้ถึงขนาดนี้  อาจารย์สาครเล่าว่า หลวงปู่ทิมท่านสำเร็จยันต์มหาจินดามณี จริงๆสามารถเรียกเนื้อเรียกปลาได้เหมือนอย่างที่นางพันธุรัตน์ มอบ พระคาถาจินดามณีไว้ให้พระสังข์  เพื่อใช้เรียกเนื้อเรียกปลาไม่ใช่มีแต่แค่ในนิยายเท่านั้น ของทำได้จริงๆก็มี  พระอาจารย์สาคร หรือพระครูมนูธรรมวัตร เจ้าอาวาสวัดหนองกรับยังมีชีวิตอยู่  ท่านเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเมื่อหลายปีมาแล้ว  และท่านยังพูดเน้นๆว่า ศีล 227 ข้อ ฉันยังดีอยู่น่า ฉันเห็นหลวงพ่อทำได้จริงๆอย่างที่เล่ามา  ฉันยังขอเรียนหลวงพ่อท่านว่า พระคาถามหาจินดามณีมีจริงถ้าจะเรียกมาได้ใจจะต้องหมดความโลภเสียก่อน

ข้อมูลนี้ถูกเขียนโดยอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ เมื่อราวๆปี 2552



 
 ส่งข้อความส่วนตัว

cron
© 2008 www.classicamulet.com